วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

จะเริ่มต้นเขียนนิยายเรื่องใหม่ ต้องคิดอะไรบ้างนะ?

วางมือจากการเขียนมาเป็นปี (ลืมไปแล้วว่านานเท่าไหร่กันแน่ เอาไว้ค่อยลองนับดูนะครับ) พอนึกว่าจะเริ่มต้นเขียนนิยายเรื่องใหม่ ก็เล่นเอานั่งอึ้งเหมือนกันนะครับ ว่ามันต้องเริ่มตรงไหนกันนะ?

ตั้งแต่วันที่พี่ฟีชวนเขียนนิยายร่วมกิจกรรมแรลลี่ของเว็บฟอร์ไรท์เตอร์ นับถึงวันนี้ได้ห้าวัน คุณพีทก็นั่งคิดนอนคิดมาเรื่อยๆ (บางทีก็มียืนคิดและเดินคิดบ้าง) ถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ยังว่างเปล่าอย่างรุนแรง เลยคิดว่าลองมานั่งสงบสติอารมณ์ดูใหม่ แล้วเรียบเรียงดูว่า จะเริ่มต้นนิยายเรื่องใหม่นี่ มันต้องคิดอะไรกันบ้างนะ

1. อันแรกเลย พิจารณากรอบหรือข้อกำหนดก่อนดีกว่า ว่ามันมีอะไรช่วยขีดวงให้มันคิดได้ง่ายขึ้นบ้าง (หรือมีอะไรที่จำเป็นต้องจำกัดการคิดของเราบ้าง)

ถ้าเป็นงานที่มีโจทย์มาให้แล้ว (เช่น เขียนตามใบสั่ง) ขั้นนี้ก็คือการหยิบใบสั่งมาพิจารณา ว่าเราต้องผลิตผลงานตามเกณฑ์อย่างไรบ้าง เช่น แนวเรื่อง พล็อต ความยาว จิปาถะ เพราะถ้าไม่ตีกรอบให้ดีๆ คิดไปคิดมาหลุดออกไปนอกกรอบ เดี๋ยวส่งงานไม่ผ่านล่ะแย่เลย

ถ้าเป็นงานที่ไม่มีโจทย์ให้มา ขั้นนี้ก็ต้องมาดูข้อกำหนดแวดล้อมต่างๆ เช่น ถ้าจะเขียนส่งสำนักพิมพ์ จะมีข้อกำหนดเรื่องความยาวหรือเปล่า (บางสำนักพิมพ์ตีพิมพ์เรื่องขนาดยาว บางแห่งตีพิมพ์เรื่องขนาดสั้น ถ้าเราเขียนในขนาดที่ไม่มีใครสามารถพิมพ์ได้ เช่น สั้นเกินไป ยาวเกินไป มันก็ส่งผ่านยาก) จะมีข้อกำหนดด้านแนวเรื่องหรือเปล่า (บางสำนักพิมพ์รับต้นฉบับเฉพาะบางแนว ถ้าเราอยากส่งงานที่นั่น ก็ต้องเขียนในแนวที่เขารับ ไม่งั้นก็ต้องไปส่งที่อื่น) เป็นต้น

กรณีของคุณพีทรอบนี้ เนื่องจากจะเขียนเข้าร่วมกิจกรรมแรลลี่ มีข้อกำหนดแรกคือความยาวต้นฉบับ ต้องไม่ต่ำกว่า 120 หน้าเอสี่ เทียบกับที่คุณพีทเคยเขียนมาก็ถือว่าไม่เยอะ พอเขียนได้ และพอจะกะจังหวะเรื่องราวได้

ข้อกำหนดที่สองคือระยะเวลา แรลลี่ครั้งต่อไปจะเริ่มเดือนกันยายน จบเดือนพฤศจิกายน มีเวลาสามเดือน หรือ 91 วัน ในช่วงสามเดือนนี้คุณพีทจะอยู่ระหว่างร่อนเร่พเนจรเสียหนึ่งเดือน เหลือแค่สองเดือนที่จะลงมือเขียนได้จริงๆ คิดเป็น 8 สัปดาห์ ในแต่ละสัปดาห์คุณพีทสามารถทำงานเขียนได้อย่างมากที่สุด 5 วัน แปลว่าคุณพีทมีเวลาทำงานจริงประมาณ 40 วัน สำหรับนิยายความยาว 120 หน้า

นับจากวันนี้ถึงวันเริ่มเขียน คุณพีทจะมีเวลาประมาณสองเดือนครึ่ง แต่เป็นสองเดือนครึ่งที่ต้องวิ่งไปวิ่งมามิใช่น้อย ถ้าจะหยิบเอาเรื่องชุดที่เขียนค้างไว้มาต่อ (ชุดภูตกระซิบสื่อรัก) เวลาแค่นี้ไม่พอแน่ เพราะต้องรื้อฟื้นกันนาน รายละเอียดของหกเล่มที่ผ่านมารวมแล้วแปดเก้าร้อยหน้า คำนวณดูแล้ว เปิดเรื่องใหม่เลยน่าจะง่ายกว่า (เปิดอีกแล้ว เปิดเยอะๆ แล้วเมื่อไหร่จะปิดจนครบเนี่ย?)

สรุป เปิดเรื่องใหม่ ความยาว 120 หน้า เวลาเขียนจริงไม่เกิน 40 วัน

2. พอรู้กรอบชัดเจนแล้ว ก็มาเริ่มคิดส่วนของนิยายจริงๆ ส่วนแรกสุดที่น่าจะคิดถึงคือ แนวเรื่อง

แนวเรื่อง เป็นคำกว้างๆ จริงๆ แล้วไม่มีสูตรหรือกฎเกณฑ์ตายตัว ว่านิยายในโลกนี้จะมีกี่แนว มีแนวไหนบ้าง นิยายบางเรื่องอาจจะมีส่วนประกอบของหลายแนวผสมกันก็ได้ เช่น แนวรักผสมกับผจญภัย แนวเหนือธรรมชาติผสมกับสืบสวน แต่ละประเทศ แต่ละวงการ ก็มีการแบ่งแนวเรื่องต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งานเสียมากกว่าตั้งใจจะให้มันถูกต้องตรงเป๊ะตามหลักวิชาการ เช่น ร้านหนังสือก็จะแบ่งแนวเรื่องตามความสนใจของกลุ่มลูกค้า ร้านหนังสือต่างประเภทก็จะแบ่งแนวเรื่องต่างๆ กัน เช่น บางร้านรวมนิยายไว้ด้วยกันหมดเลย ไปเปิดดูเอาเองแล้วกันว่าเรื่องไหนแนวไหน บางร้านจะแยกหมวดให้ตามความสนใจเรียบร้อย ร้านที่แบ่งหมวดก็ยังแบ่งไม่เหมือนกันอีก บางร้านแยกนิยายวิทยาศาสตร์ออกจากแฟนตาซี บางร้านรวมไว้ด้วยกัน รวมถึงพวกเหนือธรรมชาติที่ไม่ใช่ทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งแฟนตาซี หรือบางทีรวมกระทั่งแนวสยองขวัญด้วย

ถ้ากรอบในขั้นที่ 1 ข้างบนรวมถึงแนวเรื่องด้วย ขั้นนี้ก็ถือว่าเรียบร้อยไปไม่ต้องเลือกเอง คนเขียนก็เพียงแต่ทำความเข้าใจให้ชัดเจน (ตั้งแต่ในขั้นที่ 1) ว่าแนวเรื่องที่ใบสั่งกำหนดมานั้นคืออย่างไร กินความแค่ไหน ถ้าไม่แน่ใจก็ควรคุยกับผู้สั่งให้เข้าใจตรงกัน เพราะถ้าเขียนไปแล้วต้องกลับมารื้อจะเสียเวลามาก หรือในกรณีที่เขียนส่งสำนักพิมพ์ที่รับงานเฉพาะแนว คนเขียนก็ต้องศึกษาให้ชัดเจนว่าแนวที่เขารับคือแนวไหน อาจจะดูจากเว็บของสำนักพิมพ์หน้าที่ประกาศรับต้นฉบับ ติดต่อสอบถามโดยตรง หรือดูจากนิยายที่สำนักพิมพ์จัดพิมพ์ออกมาขายแล้ว

ถ้าไม่มีกรอบในด้านแนวเรื่อง คนเขียนก็ต้องเลือกแนวที่ต้องการจะเขียนเอง โดยปกติแล้วคนเราอ่านหนังสือหรือนิยายได้หลายแนว ในทำนองเดียวกัน คนเขียนแต่ละคนก็มักจะอยากเขียนหรือสามารถเขียนได้หลายแนวเหมือนกัน บางคนอาจจะเขียนแนวที่แตกต่างกันมาก เช่น รักโรแมนติก ลึกลับสยองขวัญ ในขณะที่บางคนอาจจะเขียนแนวที่มีส่วนเกี่ยวข้องคล้ายคลึงกัน เช่น รักโรแมนติก รักตลกเบาสมอง รักรัญจวนอิโรติก ในขั้นนี้คนเขียนต้องหาให้เจอว่ากำลังจะเขียนแนวไหน เพราะมันจะเป็นจุดเริ่มในการคิดขั้นต่อๆ ไป

แล้วเราจะเลือกแนวจากไหน? ด้วยเกณฑ์อะไร? ด้วยความชอบ หรือด้วยความเหมาะสม?

ถ้าเราเลือกเขียนแนวที่เราชอบ ที่เราอยากเขียน เราก็จะสนุกไปกับมัน มีความสุขกับการเขียน และตื่นเต้นไปกับเรื่องราว ทำให้เราขยัน รู้สึกอยากเขียนทุกวัน สามารถเขียนได้ต่อเนื่องจนจบ ไม่เบื่อหรือท้อไปเสียก่อน

โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าแนวไหนก็จะมีคนสนใจอ่านอยู่จำนวนหนึ่ง มากบ้างน้อยบ้างตามความนิยม ในบางกรณีเช่นการเขียนเพื่อส่งสำนักพิมพ์ อาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านความนิยมเข้ามาประกอบ เพราะสำนักพิมพ์เขาต้องลงทุนสูง ถ้าเป็นแนวเรื่องที่ดูแล้วขายยาก เขาก็คงไม่กล้าเสี่ยงกับงานของเราไม่ว่าคุณภาพงานจะดีขนาดไหน แต่ถ้าเป็นกรณีที่เราเขียนเพื่อแบ่งปันกันอ่านในหมู่เพื่อนฝูง หรือเขียนเพื่อขายเองไม่ว่าจะเป็นรูปเล่มหรืออีบุ๊ก เราก็มีอิสระมากขึ้น สามารถเลือกแนวที่อาจจะไม่ได้นิยมกันมาก แต่ตรงกับความชอบของเรามากกว่า ทำให้เราสร้างงานได้ถูกใจมากกว่าด้วย

ถ้าเป็นแนวที่ชอบและอยากเขียน แต่ไม่เคยเขียนล่ะ จะเลือกได้ไหม? ได้สิครับ ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น นิยายเรื่องแรกของทุกคนก็เป็นแนวที่ไม่เคยเขียน เพราะเราไม่เคยเขียนนิยายมาก่อนสักเรื่องเลยนี่นา ถ้าเราชอบและสนุกกับมัน เราก็จะสามารถเขียนมันออกมาได้ในแบบของเราแน่นอน

ถ้าเป็นแนวที่อยากลองเขียน แต่ปกติแล้วไม่ค่อยชอบอ่านล่ะ จะเลือกได้ไหม? ก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องสังเกตตัวเองนิดนึงว่า เราไม่ค่อยชอบอ่านแนวนี้ แล้วทำไมถึงอยากจะเขียนแนวนี้ล่ะ? เพราะมันท้าทาย อยากรู้ว่าตัวเองจะเขียนได้ไหม หรือเพราะมันขายดี ก็เลยอยากเขียนบ้าง หรือเพราะอยากหัด หรือเพราะอยากนึกสนุก  หาเหตุผลของตัวเองให้เจอ จะได้รู้ว่าเมื่อเราเลือกแนวนี้ (ที่อยากเขียนแต่ไม่ค่อยชอบอ่าน) แล้วเราอาจจะต้องระมัดระวังตรงไหนบ้าง หรือจะต้องเพิ่มพูดความรู้ให้กับตัวเองในแนวนี้อย่างไรบ้าง แค่ไหนถึงจะพอให้เราเขียนได้จนจบ และเขียนได้ดี

กรณีของคุณพีทรอบนี้ นั่งคิดนอนคิด (และยืนคิดเดินคิด) มาหลายวัน ตัดสินใจว่าอยากจะลองเขียนแนวแฟนตาซีผจญภัยที่ไม่ใช่แนวรักดูครับ

หนักหนานะเนี่ย

ตั้งแต่เขียนนิยายมา คุณพีทเขียนแนวรักมาตลอด อาจจะเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ หรือแนวรักปนเศร้า หรือกระทั่งรักร้อนแรงรัญจวนชวนหวิว แต่ก็รักนั่นแหละ (และเป็นแนวชายรักชายเสียส่วนใหญ่ ยกเว้นเรื่องเดียวที่รักกันนุงนังไปหมด) เมื่อเร็วๆ นี้นึกอยากเขียนแนวแฟนตาซี หรือผจญภัย หรือเหนือธรรมชาติ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องรักดูบ้าง แต่ก็แค่นึกอยาก ลองคิดเรื่องราวดูเล่นๆ แล้วก็เปลี่ยนหาไอเดียใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับมัน พอพี่ฟีชวนเขียนแรลลี่ และจากขั้นที่ 1 สรุปว่าจะเปิดเรื่องใหม่ ก็เลยคิดว่า งั้นก็เอาแนวนี้แหละที่กำลังอยากเขียนพอดี

ปัญหาที่สำคัญมากๆ ของคุณพีทสำหรับแนวนี้ก็คือ... เมื่อก่อนคุณพีทเคยชอบแนวนี้มากนะครับ ทั้งในรูปแบบหนังสือนิยาย (ส่วนใหญ่อ่านภาษาอังกฤษ) และทีวีซีรี่ส์ แต่พอมาหลังๆ นี่ อ่านหนังสือแนวนี้แล้วรู้สึกเบื่อๆ เหมือนมันคล้ายๆ กันไปหมด เนื้อเรื่องไม่เหมือนกันก็จริง แต่อารมณ์มันประมาณเดียวกันจนความรู้สึกมันเหมือนเดิม มันไม่ตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน ส่วนทีวีซีรี่ส์ ถ้าได้ดูก็ยังชอบอยู่นะครับ แต่ก็ไม่ได้ดูบ่อย (คุณพีทไม่ค่อยดูทีวี) แล้วล่าสุดก็ไม่ได้ดูแนวนี้ต่อเนื่องมานานทีเดียว

ก็เลยเป็นแนวที่อยากเขียน แต่ไม่ใช่แนวถนัดเลยโดยสิ้นเชิง

เอาล่ะสิ แล้ว 120 หน้าในเวลา 40 วัน มันจะไหวไหม?

ปลอบตัวเองว่า มีเวลาอีกสองเดือนครึ่งในการเตรียมตัว แม้จะไม่ได้นั่งคิดทุกวัน วันละแปดชั่วโมง แต่ก็คงจะพอให้เราสร้างไอเดียอะไรได้บ้างล่ะน่า และอีกอย่างเราก็รู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่าเป็นแนวที่ไม่คุ้นเคย เราก็สามารถเตรียมตัวเพื่อตอบรับปัญหานี้ได้แต่เนิ่นๆ

คุณพีทเป็นคนที่ต้องอ่านหนังสือทุกวันครับ อ่านทีละเล่มจนจบ แล้วขึ้นเล่มใหม่ ตอนนี้กำลังอ่านนิยายแนวโรแมนติกขนาดสั้นภาษาอังกฤษอยู่ เรื่องที่สามกำลังใกล้จะจบแล้ว บางทีจบเล่มนี้แล้วอาจจะต้องเปลี่ยนไปหยิบแนวแฟนตาซีผจญภัยมาอ่านบ้าง (จริงๆ ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็อ่านไปเล่มนึงเหมือนกัน ถึงได้ฟื้นฟูความอยากขึ้นมาอีกรอบ) อย่างน้อยที่สุดจะได้เป็นการเรียกอารมณ์ (บิ๊วอารมณ์) ให้อยู่ในโหมดแฟนตาซีผจญภัย เวลาจะคิดจะเขียนอะไรจะได้ติดเครื่องได้ง่าย หัวเทียนไม่บอด ไม่ต้องเสียเวลาอุ่นเครื่องนาน

สรุปในขั้นนี้ว่า คุณพีทจะเขียนแนวแฟนตาซีผจญภัย ไม่เน้นความรัก และต้องทำการบ้านในการดึงอารมณ์ตัวเองไปอยู่ในโหมดแฟนตาซีผจญภัยด้วย

ดูเหมือนจะมีเรื่องต้องคิดอีกยาว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ จะไปนอนนึกถึงหน้าพระเอกและตัวละครคนอื่นๆ ในเรื่องก่อน จะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันไว้แต่เนิ่นๆ (ถือว่าเป็นขั้นคัดตัวนักแสดงนะเนี่ย)

6 ความคิดเห็น:

  1. คิดอยากจะเขียนก่อนเลยครับ อิอิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณครับคุณ ว. อันนั้นคิดเรียบร้อยไปก่อนแล้ว เลยต้องมานั่งคิดต่อเนี่ยครับ

      ลบ
  2. ตามมาอ่านบทความจากเฟส แต่มาไม่ทันเจิมบล็อกพี่พีทเป็นคนแรก - -

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณจ้าบี้ เดี๋ยวลบเมนต์พี่ ว. ให้ดีแมะ เมนต์บี้จะได้เป็นอันแรก ฮ่าๆๆ (ไม่ค่อยลำเอียงเลย)

      ลบ
  3. เง่อ...หนูจะมาเอาเยี่ยงพี่พีทบ้าง (เรานี่ช่างไร้ระเบียบแบบทแผนเสียเหลือเกิ๊น)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มาเริ่มพร้อมกันเลยล่า ลองดู เผื่อสำเร็จ ฮ่าๆๆ

      ลบ